ปีที่ ๒ – บทที่ ๖

รุ้งกินน้ำ

วันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ฝนตกแต่เช้า พอฝนหายเด็กๆ จึงไปโรงเรียน เมื่อมาถึงโรงเรียนปิติมองเห็นรุ้งกินน้ำเป็นรูปโค้งอยู่ทางทิศตะวันตกจึงชี้ให้เพื่อนๆ ดูที่หน้าต่าง ครูไพลินเห็นนักเรียนสนใจมาก จึงพาลงไปดูข้างล่าง

ครูไพลินถามว่า “ใครจะบอกครูได้บ้างคะว่ารุ้งกินน้ำมีสีอะไรบ้าง”

สมคิดตอบก่อนคนอื่นว่า “ผมครับ ผมตอบได้ครับ มีหลายสี”

ครูไพลินบอกสมคิดว่า “เวลาตอบ ต้องตอบให้ตรงคำถาม เช่น ถ้าถามว่าสีอะไรบ้าง ก็ต้องบอกชื่อสี ไม่ใช่ตอบว่าหลายสี”

“มีสีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีม่วงค่ะ” ชูใจตอบบ้าง

ครูไพลินอธิบายว่า “ที่จริงรุ้งมี ๗ สีเรียงกัน แต่ชูใจมองด้วยตาเปล่า จึงเห็นเพียง ๔ สี สีที่อยู่ชิดกัน จะmix together, comingleปนกันจนเห็นสีเดียว นักเรียนดูให้ดีซีนะ”

นักเรียนจ้องดูรุ้ง พร้อมกับคุยกันเบาๆ ชูใจเล่าว่า “ฉันเคยเห็นรุ้งเกิดตอนฝนหยุด ในเวลาเช้าและเย็น รุ้งคงจะเกิดหลังฝนตกแน่”

มานีพูด “มันคงจะเกิดในฤดูฝนเท่านั้น”

สมคิดพูด “ฉันว่ารุ้งอาจจะเกิดในหน้าแล้งก็ได้”

“นักเรียนพูดถูกทุกคน รุ้งจะเกิดหลังฝนตก และมีแสงแดด ทั้งหน้าแล้งและหน้าฝน รุ้งก็เกิดได้ถ้ามีแสงแดดอ่อนหลังฝนตก” ครูไพลินอธิบาย

ปิติพูด “ผมว่ารุ้งเกิดเมื่อไรก็ได้ ผมเคยทำรุ้งได้ครับ”

สมคิดหันมาcontradict, politely disagreeค้านปิติว่า “รุ้งเกิดขึ้นเอง ฉันว่าเธอทำไม้ได้แน่”

“ได้ซี ฉันเอาstem, stalkก้านมะละกอเป่าฟองสบู่เป็นรุ้งได้ ฉันทำหลายครั้งแล้ว ไม่เชื่อฉันจะทำให้ดูก็ได้” ปิติบอก

“อย่าargue, angrily disagreeเถียงกันเลย” ครูไพลินห้าม และอธิบายต่อ “ฟองสบู่มีสีรุ้งแต่ไม่ใช่รุ้ง”

“ทำไมรุ้งจึงกินน้ำคะ” ชูใจถาม ครูไพลินยิ้มและบอกว่า “คงเป็นเพราะมันเกิดหลังฝนตก และยังมีน้ำอยู่ คนจึงคิดว่ารุ้งกินน้ำ”

- + - + - + - + - + - + - + -